Skip to Content

เปรียบเทียบ Camera Module 3 แต่ละแบบ สำหรับงาน CV บน Raspberry Pi 5 และ Hailo-8

เลือก "ดวงตา" ให้ถูก: เปรียบเทียบ Camera Module 3 (Normal, Wide, NoIR) สำหรับงาน CV บน Raspberry Pi 5 และ Hailo-8
6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2025 โดย
Surasak
| ยังไม่มีความคิดเห็น

ในโลกของ Edge AI และ Computer Vision (CV) การมีฮาร์ดแวร์ประมวลผลที่ทรงพลังอย่าง Raspberry Pi 5 ที่ทำงานร่วมกับ AI Accelerator ชั้นนำอย่าง Hailo-8 ถือเป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างโปรเจกต์ Object Detection ที่ต้องการความเร็วสูง (High FPS) และความหน่วงต่ำ (Low Latency)

แต่หัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ "ดวงตา" ของระบบ นั่นคือ Camera Module ซึ่ง Raspberry Pi Camera Module 3 (CM3) มีให้เลือก 3 รูปแบบหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของโมเดล CV ของคุณ: Normal, Wide, และ NoIR

บทความนี้จะเจาะลึกความแตกต่างของกล้องทั้ง 3 แบบ และวิเคราะห์ว่าควรเลือกใช้แบบใดสำหรับงาน Computer Vision บนชุด RPi 5 และ Hailo-8

Camera Module 3

 

Camera Module 3 NoIR

CM3 NoIR Wide

เมื่องานของคุณต้องทำงาน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือในสภาวะแสงที่ตามองไม่เห็น และต้องการมุมมองกว้างด้วย 

Camera Module 3 NoIR Wide

CM3 NoIR

เมื่องานของคุณต้องทำงาน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือในสภาวะแสงที่ตามองไม่เห็น 

Camera Module 3

CM3 Widenc.

เมื่องานของคุณต้องการ บริบทมุมมองกว้างและภาพรวม ของพื้นที่ทั้งหมด 

Camera Module 3 Wide

CM3 Normal

เมื่องานของคุณต้องการ รายละเอียดและความแม่นยำ ของวัตถุในระยะที่กำหนด 

RPi 5 + Hailo-8: คู่หูทรงพลังแห่ง Edge AI


ก่อนจะพูดถึงกล้อง เราต้องเข้าใจบทบาทของแพลตฟอร์มก่อน:

  • Raspberry Pi 5: ทำหน้าที่เป็น Host Processor จัดการระบบปฏิบัติการ, รับสตรีมวิดีโอจากกล้องผ่าน MIPI CSI, ทำ Pre-processing (เช่น ปรับขนาดภาพ) และส่งข้อมูลไปยัง Hailo-8

  • Hailo-8: ทำหน้าที่เป็น AI Accelerator (หรือ NPU) โดยเฉพาะ งานหนักอย่างการอนุมาน (Inference) โมเดล Object Detection (เช่น YOLO, SSD) จะถูก offload มาที่นี่ ทำให้ RPi 5 เป็นอิสระและระบบโดยรวมสามารถรันโมเดลที่ซับซ้อนได้แบบเรียลไทม์ด้วย FPS ที่สูงมาก

การที่ Hailo-8 ประมวลผลได้เร็วนั้น หมายความว่าระบบของคุณ "หิวกระหาย" ข้อมูลภาพคุณภาพสูงอยู่ตลอดเวลา การเลือกกล้องที่ "ป้อน" ข้อมูลได้ตรงกับโจทย์จึงสำคัญที่สุด  

ถอดรหัส Camera Module 3: Normal vs Wide vs NoIR


ความแตกต่างหลักของกล้อง 3 รุ่นนี้อยู่ที่ เลนส์ (Lens) และ ฟิลเตอร์กรองแสง (Light Filter) 



Camera Module 3 (Normal)

  • มันคืออะไร: นี่คือกล้องรุ่นมาตรฐาน มีมุมมองภาพ (Field of View - FoV) ปกติ (ประมาณ 66 องศาในแนวนอน) ให้ภาพที่มีเปอร์สเปคทีฟใกล้เคียงกับสายตามนุษย์ และมีความบิดเบือน (Distortion) น้อยที่สุด

  • การใช้งานใน CV & Object Detection:

    • งานที่ต้องการรายละเอียด: เหมาะสำหรับงานที่วัตถุเป้าหมายค่อนข้างอยู่ตรงกลางเฟรม หรือต้องการความแม่นยำของรูปร่าง

    • ตัวอย่าง: การอ่านป้ายทะเบียนรถ (ANPR), การอ่านบาร์โค้ด/QR Code, การตรวจสอบคุณภาพสินค้า (Quality Control) บนสายพานการผลิต, ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่จุดเข้า-ออก

  • ใช้กับ RPi 5 + Hailo-8 อย่างไร: RPi 5 จะส่งภาพที่คมชัดและบิดเบือนน้อยนี้ไปยัง Hailo-8 ทำให้โมเดล CV (เช่นโมเดล OCR หรือโมเดลตรวจจับใบหน้า) ทำงานได้แม่นยำขึ้นในระยะที่กำหนด

 



Camera Module 3 (Wide)

มันคืออะไร: กล้องมุมกว้าง (Wide-Angle) มี FoV ที่กว้างกว่ามาก (ประมาณ 102 องศาในแนวนอน) ทำให้เก็บภาพในแนวนอนได้กว้างขึ้นในระยะเท่ากัน

ข้อควรพิจารณา: ภาพที่ได้จะมีความบิดเบือนแบบ "Fisheye" ที่ขอบภาพ ซึ่งอาจต้องมีการทำ "Undistortion" (การแก้ความบิดเบือน) ด้วยซอฟต์แวร์ (เช่น OpenCV) ก่อนส่งเข้าโมเดล CV 

การใช้งานใน CV & Object Detection:

  • งานที่ต้องการบริบท (Context): เหมาะสำหรับงานที่ต้อง "มองเห็น" สภาพแวดล้อมโดยรวม หรือติดตามวัตถุที่เคลื่อนที่ในพื้นที่กว้าง

  • ตัวอย่าง: ระบบรักษาความปลอดภัย (Surveillance) ที่ต้องการครอบคลุมทั้งห้อง, การนับจำนวนคน (Crowd Counting) ในพื้นที่, ระบบนำทางสำหรับหุ่นยนต์ (Robot Navigation) เพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง, การตรวจสอบที่จอดรถ

ใช้กับ RPi 5 + Hailo-8 อย่างไร: Hailo-8 จะได้รับภาพที่กว้างมาก ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุได้ "หลายชิ้น" หรือ "ครอบคลุมพื้นที่" มากกว่าในเฟรมเดียว เหมาะสำหรับโมเดลอย่าง YOLO ที่ต้องตรวจจับวัตถุหลายประเภทพร้อมกันทั่วทั้งฉาก


Camera Module 3 (NoIR)

มันคืออะไร: "NoIR" ย่อมาจาก No Infrared Filter กล้องปกติจะมีฟิลเตอร์ IR เพื่อตัดแสงอินฟราเรดออก ให้ภาพสีตรงกับที่ตามองเห็น แต่รุ่น NoIR จะ "ไม่มี" ฟิลเตอร์นี้

ผลกระทบ:

  1. ในที่แสงปกติ: สีของภาพจะเพี้ยน (เช่น ใบไม้สีเขียวอาจติดสีชมพู) เพราะกล้องรับทั้งแสงที่มองเห็นและแสง IR

  2. ในที่มืดสนิท: กล้องนี้สามารถ "มองเห็น" ได้ หากใช้ร่วมกับ แหล่งกำเนิดแสงอินฟราเรด (IR Illuminator) ซึ่งตามนุษย์มองไม่เห็น

การใช้งานใน CV & Object Detection:

  • งานที่ต้องการทำงาน 24/7: นี่คือจุดแข็งที่สุด ใช้สำหรับระบบที่ต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน

  • ตัวอย่าง: ระบบรักษาความปลอดภัยยามค่ำคืน, การติดตามสัตว์ป่าตอนกลางคืน (Nocturnal Wildlife Monitoring), การเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) เพื่อวิเคราะห์สุขภาพพืช (พืชสะท้อนแสง NIR แตกต่างกัน)

ใช้กับ RPi 5 + Hailo-8 อย่างไร: RPi 5 และ Hailo-8 สามารถรันโมเดล Object Detection ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อแสงหมด กล้อง NoIR (ที่ติดตั้งไฟ IR) จะเปลี่ยนเป็นโหมดขาวดำและยังคงส่งภาพที่ชัดเจนให้ Hailo-8 ตรวจจับผู้บุกรุกหรือวัตถุต่อไปได้


บทสรุป: เลือกกล้องให้ตรงโจทย์

การมี Raspberry Pi 5 และ Hailo-8 เปรียบเหมือนการมี "สมอง" ที่ฉลาดและประมวลผลเร็ว แต่ "สมอง" นี้จะทำงานได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ "ดวงตา" ที่คุณเลือก

  • เลือก Normal เมื่องานของคุณต้องการ รายละเอียดและความแม่นยำ ของวัตถุในระยะที่กำหนด

  • เลือก Wide เมื่องานของคุณต้องการ บริบทและภาพรวม ของพื้นที่ทั้งหมด

  • เลือก NoIR เมื่องานของคุณต้องทำงาน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือในสภาวะแสงที่ตามองไม่เห็น

การเลือกกล้องที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น คือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของระบบ CV บน RPi 5 และ Hailo-8 ของคุณ ช่วยลดภาระการ Pre-processing ที่ไม่จำเป็น และทำให้โมเดล AI ของคุณได้ข้อมูลที่ดีที่สุดเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำที่สุด



ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อแสดงความคิดเห็น